สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกที่พิมพ์ขึ้นมา เรือ่งที่จะเล่านี่มันผ่านมานานแล้ว แต่อยากให้เป็นข้อคิดให้กับผู้หญิงหลายๆคน ที่จับความผิดปกติของบรรดาแฟนๆเราได้
ว่าอย่าได้นิ่งนอนใจ อย่าได้หลงเชื่อตามที่เขาพูด ไม่งั้นเราอาจจะกลายเป็นควายเผือกให้มันหลอกไปตลอดก็ได้
เคยเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนสาวฟัง มันยังบอกว่า มุงทนไปได้ยังไง ชีวิตมุงเหมือนละครเกิ๊น บ้านมุงก็มีพร้อมทุกอย่าง พ่อแม่มุงก็ทำทุกอย่างไว้ให้มุง บอกเพื่อนคนอื่นเขายังไม่เชื่อเลยว่ามุงจะเจอแบบนี้สงสารเลยว่ะ แต่ก็โชคดีแล้วที่มุงถอยกลับมาได้
....ใครจะคิดว่ามันเหมือนละครไปมั้ยกับเรื่องที่เล่ามา ขอยืนยัน นั่งยัน นอนยันเลย ว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ไม่มีสแตนอินเลย 555.....
เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนนั้นเราทำงานอยู่ในร้านที่ขายแผ่นเกมส์ใน เดอะมอล์ งามวงศ์วาน. แล้วแฟน(เก่า)ขอให้ชื่อว่าพี่เจนะคะ ทำงานอยู่ที่บ. ออกแบบภายในที่อยู่ใกล้ๆกัน
แต่เราทำได้ไม่นานก็ออกจากงาน แล้วมาอยู่ที่คอนโดเฉยๆ รอทำงานที่ใหม่ที่ใกล้กับที่พัก
เหตุการ์ณทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี พี่เจก็กลับมาที่คอนโดตามเวลาปกติตลอด
กลับมาก็มากินข้าวด้วยกัน แต่พักหลังเริ่มแปลกๆไปโดยเริ่มจากปกติเราเลิกงาน 2 ทุ่ม พี่เจเลิกก่อนก็จะขี่มอไซต์มารับกลับไปที่ห้อง
แต่หลังๆ ไม่มีการมารับ และบาบครั้งก็ทานข้าวมาก่อนแล้วด้วย โดยบอกว่าไปกินข้าวกับเพื่อนชื่อ เอ ซึ่งเรารู้จักดีอยู่แล้วก็เลยไม่ได้อะไรมากมาย
ผ่านมาได้ระยะนึง พฤติกรรมก็ยังคงเป็นอยู่แบบนี้ โดยเริ่มมีการกลับดึกขึ้นมาเล็กน้อย บางครั้งมีบอกว่าทำโออยู่ดึกบ้างเราก็เชื่อ
มีอยู่วันนึงเป็นวันหยุด แล้วพี่เจ ไม่สบายเลยขี่มอไซต์ไปหาหมอที่คลีนิกแถวๆคอนโด พี่เจก็ส่งกระเป๋าตังให้หาบัตรประชาชน แล้วพี่เขาก็เข้าไปฝนห้องตรวจ
ด้วยความที่ว่า นิสัยผู้หญิงอะนะ ชอบเช็คนู่นเช็คนี่ เราก็ค้นกระเป๋าตังค่า แจ็คพ็อต!! เจอรูปผู้หญิงอยู่คนนึง พลิกกลับไปดูข้างหลังเขียนว่า 14 กพ. เม(ชื่อสมมุติ)รักเจ
เราก็หน้าชาเลยดิ คิดในใจว่านิ่งไว้ก่อนๆ จนพี่เจออกจากห้องตรวจจ่ายตังรับยาออกมาจากคลีนิกละ. เราส่งรูปให้ดู
เรา:นี่ใครอ่ะพี่เจ
พี่เจ: อ๋อ เพื่อนที่ทำงาน
เรา: พลิกให้ดูข้างหลัง แล้วนี่อะไรพี่
พี่เจ: สีหน้าตกใจเล็กน้อย แล้วบอกว่า เอ้ย เพื่อนที่ทำงานมันเอามาเขียนแกล้งอ่ะสิ ไอ้คนเนี้ย มันชอบแกล้งพี่ ไม่เชื่อโทรไปหามันเลย
..พูดย้ำๆ ซ้ำๆ อยู่หลายรอบ จนเราเชื่อว่าโดนแกล้งจริงๆ เรื่องเลยผ่านไป
หลังจากนั้นมีงานออกบู๊ทเกี่ยวกับของตกแต่งบ้านที่เขามาจัดที่เมืองทองก็ไม่ยอมให้เราไป บอกว่ามารบกวนเปล่าๆ. ทั้งๆที่ก็พักอยู่ในนั้นยังไม่ให้ไป. เราก็โอเคไม่ไป
มีเหตุการณ์อีกครั้งนึงคือพี่เขาฝากกระเป๋าตังไว้กะเรา (อีกแล้ว) นิสัยเดิมก็มา. ค้นกระเป๋า แจ๊คพ๊อตอีกละค่า เจอถุงยาง ตกใจดิ ทั้งๆที่ไม่เคยใช้ถุงยางกะเรา
แล้วมันมาได้ไงวะ พอเราถามก็บอกไปว่าหน้าห้องน้ำในเดอะมอลมันมีตู้หยอดเหรียญถุงยางอยู่ไอ้เอมันหยอดมาแล้วมาแบ่งกับพี่ ไม่มีอะไรจริงๆ เราก็ยังเป็นควายอยู่ เชื่อไป
จนถึงวันนึงตอนนั้นโทรศัพท์พี่เจมีปัญหา เลยบอกว่าเดี๋ยววันนี้จะไปเดินดูโทรศัพท์หน่อยนะ อาจจะกลับดึกนิดนึง กลับมาถ้าจำไม้ผิดเกือบๆเที่ยงคืน
ตื่นเช้ามา วันนั้นเราตื่นสายเพราะเป็นวันเสาร์ วันหยุดเรา แต่แฟนไม่ได้หยุด ตื่นสายเลยบอกให้เราพิมพ์ข้อความลาส่งไปให้หัวหน้าหน่อย
ตอนที่เรากำลังพิมพ์อยู่นั้น มีโทรศัพท์เข้ามา ขึ้นชื่อว่า "Girl Friend" เราก็ตกใจเล็กน้อย ดูเบอร์ (ตอนนั้นดูเบอร์ที่โทรมาแล้วก็จำได้ทันที)
ละก็บอกพี่เจไปว่ามีโทรศัพท์เข้ามาเขียนมา girl friend
แล้วสายก็ตัดไป เราเลยถามว่าใคร พี่เจบอกว่า เพื่อนพี่มันเมมชื่อแกล้งอะดิ (

จริงๆ โทรสับเพิ่งซื้อเมื่อวานเย็นบอกเพื่อนเมมชื่อแกล้งซะละ)
บอกเราว่าถ้าไม่เชื่อใจก็โทรกลับไปได้เลย พอกำลังจะกดโทรกลับมันก็ดึงโทรสับคืนไป จนเราลุกไปหยิบโทสับเราแล้วโทรไปหา เราเดินเข้าห้องน้ำ
พี่เจก็วิ่งมาแย่งโทรสับ ระหว่างที่กำลังแย่งโทสับตอนนั้นสายติดแล้วฝั่งนู้นก็ฟังที่เราทะเลาะกัน
เรา: พี่เจทำไมพี่ทำกับเนแบบนี้อะ ทำไมต้องโกหกเนด้วย(ตอนนั้นน้ำตาเริ่มไหล ตะโกนดังลั่น)
พี่เจ:ใจเย็นๆก่อนได้มั้ย มันไม่มีอะไรจิงๆ เอาโทรสับมาก่อน (แย่งโทรสับเราไป)
เรา: ไม่อะ ถ้าพี่ไม่มีอะไรจริงๆจะเอาโทสับไปทำไม. แล้วทำไมเมมชื่อนั้นละ เพื่อนแกล้งหรอ เอะอะ อะไรก็เพื่อนแกล้งตลอด
พี่เหนเนเป็นอะไร ทำไมต้องหลอกกันด้วย
พี่เจแย่งโทสับเราจนโทรสับเราหัก (ตอนนั้นเป็นโทสับฝาพับ) หลังจากนั้นก็ดึงเราเข้ามากอดแล้วบอกว่าพี่ขอโทษ พี่ไม่มีอะไรจริงๆ พี่เลือกเรา
พี่จะเลิกกับคนนั้น พี่ยังไม่มีอะไรเกินเลยจริงๆ ...แล้วพี่เจเขาก็ชักแม่น้ำทั้งร้อยมาหว่านล้อมเราจนเราเชื่อใจในที่สุด
หลังจากนั้นพอเราสงบสติอารมได้แล้วก็มานั่งคุยถึงเรื่องเมื่อกี้ว่าใช้คนที่เราเห็นในรูปใช่มั้ย พี่เจบอกว่าใช่
แต่แค่คุยกันเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่านี้ และพี่เจตัดสินใจเลือกเรา เราก็โอเคใจเย็นลงได้ (แต่มันยังคาใจอยู่)
ตกเที่ยงพี่เจให้เราไปซื้อข้าวขึ้นมากินกัน เราก็แต่งตัวลงไปข้างล่าง ไปสั่งข้าวไว้ แล้วก็เดินมาที่ตู้โทรสับ กดโทรหาเบอร์นั้นอีกรอบ
รับค่ะ
เรา: เป็นอะไรกับพี่เจหรอคะ (ถามตรงๆเลย)
เม: แฟนค่ะ (พอได้ยินแค่นั้นแหละมันจี๊ดเลย) แล้วเธอล่ะ
เรา: แฟนเหมือนกันค่ะ แต่อยู่ด้วยกันค่ะ (ตอนนี้เก็บอาราณ์ไม่ให้น้ำตาไหลไว้อยู่) เมรู้จักกับพี่เจได้ไงคะ
เม: ที่ทำงานค่ะ พจเขาไม่เคยบอกว่ามีแฟนอยู่แล้วนะ เราไม่รู้เราขอโทษจริงๆ เมื่อกี้ที่เทอโทรมา เราได้ยินหมดเลยนะที่เธอทะเลาะกับเจ
เรานั่งคิดเลยว่านั่นไม่ใข่แฟนแล้วนะ นั่นเมียเลยนะ
เรา: ขอโทษนะคะใช่ชื่อเมหรือป่าว
เม : ใช่ค่ะ ทำไมหรอ
เรา: อ๋อ เราเคยเห็นหน้าละ ที่เธอเอารูปเธอใส่กระเป๋าพี่เจไว้ใช่มั้ย
เม: ใช่
เรา: รู้มั้ยพี่เจบอกว่าเพื่อนมันเอามาใส่แกล้งไว้ เราเลยไม่ได้คิดอะไร จนมาเกิดเรื่องนี้เข้า เธออยากได้พี่เจมั้ย เรายกให้ (ตอนนั้นเราสุดจะทนแล้วเหมือนกัน อย่กได้นัก ยกให้)
เม : เราไม่เอาแล้ว เราไม่อยากได้ขึ้นช่อว่าทำให้ครอบครัวคนอื่นเขาแตกแยก เราขอโทษนะเราไม่รู้จริงๆ ว่าเจมีเมียอยู่แล้วไม่งั้นเราจะไม่ยุ่งเลย
เรา: ถามตรงๆนะ มีอะไรกันแล้วหรือยัง
เม: เงียบไปพักนึก แบ้วตอบว่า มีแล้ว
เรานี่จากที่กลั้นน้ำตาไว้ กลายเป็นบ่อน้ำตาแตกขึ้นมาทันที นี่หรอคนที่เรารัก นี่หรอคนที่เราไว้ใจทำไมทำกับเราแบบนี้ ฝ่าย ญ เขาก็ขอโทษเราเพราะเขาไม่รู้จริงๆ
และสัญญาเป็นอย่างดีว่ายังไงก็ไม่เอาแล้วผู้ชายคนนี้ แถมยังบอกให้เราตัดสินใจด้วยนะว่าทำขนาดนี้แล้วสมควรที่จะคบต่ออีกมั้ย
หลังจากนั้นเราก็คุยกันไปอีกสักพักนึง ได้ประเด็นมาว่า
- ตอนที่จัดงานที่เมืองทอง ที่ไม่ให้เราไปเพราะไม่อยากรถไฟชนกัน แล้วทางฝ่ายนู้นก็บอกว่าวันนั้น งานเลิกดึกบอกว่าขอไปนอนที่ห้องเจเพราะว่ามันดึกแล้ว
แต่พี่เจบอกว่าไม่ได้ เพราะอยู่กับน้องสาวเดี๋ยวน้องมันจะด่าเอา (เราเป็นน้องสาวค่า)
-ที่บอกว่าทำโอกลับดึกบ้าง กลับเกือบสว่างบ้าง เพราะไปเล่นจ้ำจี้กะฝั่งนู้น ถุงยางก็ใช้กับฝั่งนู้น
-ส่วนโทสับเจ้าปัญหาก็ไปซื้อด้วกัน แล้วฝ่ายนั้นก็เลยเมมชื่อตัวเองว่า girl friend แล้วก็เลยแจ๊คพอตเลย ถ้าวันนี้พี่เจไปทำงานปกตินะเราก็จะยังจับไม่ได้ไปอีกนาน
ประเด็นหลักๆมีประมาณนี้ ที่ต้องวางก่อนเพราะตังหมด
หลังจากนั้นก้อเดินหปเอาข้าวแล้วก็เดินขึ้นห้อง พอถึงบนห้องส่งข้าวให้แล้วถามพี่เจไปว่า ไหนบอกว่ายังไม่มีอะไรกันไงล่ะ
พี่เจตกใจแล้วถามว่าแล้วเนจะโทรไปทำไมอีก มันจบไปแล้วนะ อีนี่(หมายถึงเม) ก็อีกคนพูดอะไรไม่เข้าเรื่อง พี่บอกว่าพี่ไม่เอาๆแล้วไง จะยังไงกับพี่อีก เกี๋ยวรอพี่แปปนะ
พี่เจแกหยิบโทรสับแกแล้วโทรไปหาเปิดลำโพงให้เราฟังด้วย พอเมรับพี่เจบอกว่า มันจบแล้วนะ ต่อไปไม่ต้องมายุ่งกับเจอีก. แล้วก็วางสายไปเลย
แล้วหันมาบอกเราว่า พี่รักเนนะ พี่ไม่มีอัไรแบ้วจริงๆ อย่าโกรธพี่นะเมียจ๋า แล้วก็เข้ามากอดเราจนเราใจอ่อน ผลสุดท้ายก็ยอมคืนดีด้วย
ยัง... มันยังไม่จบ เรื่องมันยังดำเนินต่อ แปปนะคะเดี๋ยวมาเล่าต่อ
บอกว่าอยู่กับน้องสาว แต่ที่ไหนได้อยู่กับ "แฟน"
ว่าอย่าได้นิ่งนอนใจ อย่าได้หลงเชื่อตามที่เขาพูด ไม่งั้นเราอาจจะกลายเป็นควายเผือกให้มันหลอกไปตลอดก็ได้
เคยเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนสาวฟัง มันยังบอกว่า มุงทนไปได้ยังไง ชีวิตมุงเหมือนละครเกิ๊น บ้านมุงก็มีพร้อมทุกอย่าง พ่อแม่มุงก็ทำทุกอย่างไว้ให้มุง บอกเพื่อนคนอื่นเขายังไม่เชื่อเลยว่ามุงจะเจอแบบนี้สงสารเลยว่ะ แต่ก็โชคดีแล้วที่มุงถอยกลับมาได้
....ใครจะคิดว่ามันเหมือนละครไปมั้ยกับเรื่องที่เล่ามา ขอยืนยัน นั่งยัน นอนยันเลย ว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ไม่มีสแตนอินเลย 555.....
เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนนั้นเราทำงานอยู่ในร้านที่ขายแผ่นเกมส์ใน เดอะมอล์ งามวงศ์วาน. แล้วแฟน(เก่า)ขอให้ชื่อว่าพี่เจนะคะ ทำงานอยู่ที่บ. ออกแบบภายในที่อยู่ใกล้ๆกัน
แต่เราทำได้ไม่นานก็ออกจากงาน แล้วมาอยู่ที่คอนโดเฉยๆ รอทำงานที่ใหม่ที่ใกล้กับที่พัก
เหตุการ์ณทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี พี่เจก็กลับมาที่คอนโดตามเวลาปกติตลอด
กลับมาก็มากินข้าวด้วยกัน แต่พักหลังเริ่มแปลกๆไปโดยเริ่มจากปกติเราเลิกงาน 2 ทุ่ม พี่เจเลิกก่อนก็จะขี่มอไซต์มารับกลับไปที่ห้อง
แต่หลังๆ ไม่มีการมารับ และบาบครั้งก็ทานข้าวมาก่อนแล้วด้วย โดยบอกว่าไปกินข้าวกับเพื่อนชื่อ เอ ซึ่งเรารู้จักดีอยู่แล้วก็เลยไม่ได้อะไรมากมาย
ผ่านมาได้ระยะนึง พฤติกรรมก็ยังคงเป็นอยู่แบบนี้ โดยเริ่มมีการกลับดึกขึ้นมาเล็กน้อย บางครั้งมีบอกว่าทำโออยู่ดึกบ้างเราก็เชื่อ
มีอยู่วันนึงเป็นวันหยุด แล้วพี่เจ ไม่สบายเลยขี่มอไซต์ไปหาหมอที่คลีนิกแถวๆคอนโด พี่เจก็ส่งกระเป๋าตังให้หาบัตรประชาชน แล้วพี่เขาก็เข้าไปฝนห้องตรวจ
ด้วยความที่ว่า นิสัยผู้หญิงอะนะ ชอบเช็คนู่นเช็คนี่ เราก็ค้นกระเป๋าตังค่า แจ็คพ็อต!! เจอรูปผู้หญิงอยู่คนนึง พลิกกลับไปดูข้างหลังเขียนว่า 14 กพ. เม(ชื่อสมมุติ)รักเจ
เราก็หน้าชาเลยดิ คิดในใจว่านิ่งไว้ก่อนๆ จนพี่เจออกจากห้องตรวจจ่ายตังรับยาออกมาจากคลีนิกละ. เราส่งรูปให้ดู
เรา:นี่ใครอ่ะพี่เจ
พี่เจ: อ๋อ เพื่อนที่ทำงาน
เรา: พลิกให้ดูข้างหลัง แล้วนี่อะไรพี่
พี่เจ: สีหน้าตกใจเล็กน้อย แล้วบอกว่า เอ้ย เพื่อนที่ทำงานมันเอามาเขียนแกล้งอ่ะสิ ไอ้คนเนี้ย มันชอบแกล้งพี่ ไม่เชื่อโทรไปหามันเลย
..พูดย้ำๆ ซ้ำๆ อยู่หลายรอบ จนเราเชื่อว่าโดนแกล้งจริงๆ เรื่องเลยผ่านไป
หลังจากนั้นมีงานออกบู๊ทเกี่ยวกับของตกแต่งบ้านที่เขามาจัดที่เมืองทองก็ไม่ยอมให้เราไป บอกว่ามารบกวนเปล่าๆ. ทั้งๆที่ก็พักอยู่ในนั้นยังไม่ให้ไป. เราก็โอเคไม่ไป
มีเหตุการณ์อีกครั้งนึงคือพี่เขาฝากกระเป๋าตังไว้กะเรา (อีกแล้ว) นิสัยเดิมก็มา. ค้นกระเป๋า แจ๊คพ๊อตอีกละค่า เจอถุงยาง ตกใจดิ ทั้งๆที่ไม่เคยใช้ถุงยางกะเรา
แล้วมันมาได้ไงวะ พอเราถามก็บอกไปว่าหน้าห้องน้ำในเดอะมอลมันมีตู้หยอดเหรียญถุงยางอยู่ไอ้เอมันหยอดมาแล้วมาแบ่งกับพี่ ไม่มีอะไรจริงๆ เราก็ยังเป็นควายอยู่ เชื่อไป
จนถึงวันนึงตอนนั้นโทรศัพท์พี่เจมีปัญหา เลยบอกว่าเดี๋ยววันนี้จะไปเดินดูโทรศัพท์หน่อยนะ อาจจะกลับดึกนิดนึง กลับมาถ้าจำไม้ผิดเกือบๆเที่ยงคืน
ตื่นเช้ามา วันนั้นเราตื่นสายเพราะเป็นวันเสาร์ วันหยุดเรา แต่แฟนไม่ได้หยุด ตื่นสายเลยบอกให้เราพิมพ์ข้อความลาส่งไปให้หัวหน้าหน่อย
ตอนที่เรากำลังพิมพ์อยู่นั้น มีโทรศัพท์เข้ามา ขึ้นชื่อว่า "Girl Friend" เราก็ตกใจเล็กน้อย ดูเบอร์ (ตอนนั้นดูเบอร์ที่โทรมาแล้วก็จำได้ทันที)
ละก็บอกพี่เจไปว่ามีโทรศัพท์เข้ามาเขียนมา girl friend
แล้วสายก็ตัดไป เราเลยถามว่าใคร พี่เจบอกว่า เพื่อนพี่มันเมมชื่อแกล้งอะดิ (
บอกเราว่าถ้าไม่เชื่อใจก็โทรกลับไปได้เลย พอกำลังจะกดโทรกลับมันก็ดึงโทรสับคืนไป จนเราลุกไปหยิบโทสับเราแล้วโทรไปหา เราเดินเข้าห้องน้ำ
พี่เจก็วิ่งมาแย่งโทรสับ ระหว่างที่กำลังแย่งโทสับตอนนั้นสายติดแล้วฝั่งนู้นก็ฟังที่เราทะเลาะกัน
เรา: พี่เจทำไมพี่ทำกับเนแบบนี้อะ ทำไมต้องโกหกเนด้วย(ตอนนั้นน้ำตาเริ่มไหล ตะโกนดังลั่น)
พี่เจ:ใจเย็นๆก่อนได้มั้ย มันไม่มีอะไรจิงๆ เอาโทรสับมาก่อน (แย่งโทรสับเราไป)
เรา: ไม่อะ ถ้าพี่ไม่มีอะไรจริงๆจะเอาโทสับไปทำไม. แล้วทำไมเมมชื่อนั้นละ เพื่อนแกล้งหรอ เอะอะ อะไรก็เพื่อนแกล้งตลอด
พี่เหนเนเป็นอะไร ทำไมต้องหลอกกันด้วย
พี่เจแย่งโทสับเราจนโทรสับเราหัก (ตอนนั้นเป็นโทสับฝาพับ) หลังจากนั้นก็ดึงเราเข้ามากอดแล้วบอกว่าพี่ขอโทษ พี่ไม่มีอะไรจริงๆ พี่เลือกเรา
พี่จะเลิกกับคนนั้น พี่ยังไม่มีอะไรเกินเลยจริงๆ ...แล้วพี่เจเขาก็ชักแม่น้ำทั้งร้อยมาหว่านล้อมเราจนเราเชื่อใจในที่สุด
หลังจากนั้นพอเราสงบสติอารมได้แล้วก็มานั่งคุยถึงเรื่องเมื่อกี้ว่าใช้คนที่เราเห็นในรูปใช่มั้ย พี่เจบอกว่าใช่
แต่แค่คุยกันเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่านี้ และพี่เจตัดสินใจเลือกเรา เราก็โอเคใจเย็นลงได้ (แต่มันยังคาใจอยู่)
ตกเที่ยงพี่เจให้เราไปซื้อข้าวขึ้นมากินกัน เราก็แต่งตัวลงไปข้างล่าง ไปสั่งข้าวไว้ แล้วก็เดินมาที่ตู้โทรสับ กดโทรหาเบอร์นั้นอีกรอบ
รับค่ะ
เรา: เป็นอะไรกับพี่เจหรอคะ (ถามตรงๆเลย)
เม: แฟนค่ะ (พอได้ยินแค่นั้นแหละมันจี๊ดเลย) แล้วเธอล่ะ
เรา: แฟนเหมือนกันค่ะ แต่อยู่ด้วยกันค่ะ (ตอนนี้เก็บอาราณ์ไม่ให้น้ำตาไหลไว้อยู่) เมรู้จักกับพี่เจได้ไงคะ
เม: ที่ทำงานค่ะ พจเขาไม่เคยบอกว่ามีแฟนอยู่แล้วนะ เราไม่รู้เราขอโทษจริงๆ เมื่อกี้ที่เทอโทรมา เราได้ยินหมดเลยนะที่เธอทะเลาะกับเจ
เรานั่งคิดเลยว่านั่นไม่ใข่แฟนแล้วนะ นั่นเมียเลยนะ
เรา: ขอโทษนะคะใช่ชื่อเมหรือป่าว
เม : ใช่ค่ะ ทำไมหรอ
เรา: อ๋อ เราเคยเห็นหน้าละ ที่เธอเอารูปเธอใส่กระเป๋าพี่เจไว้ใช่มั้ย
เม: ใช่
เรา: รู้มั้ยพี่เจบอกว่าเพื่อนมันเอามาใส่แกล้งไว้ เราเลยไม่ได้คิดอะไร จนมาเกิดเรื่องนี้เข้า เธออยากได้พี่เจมั้ย เรายกให้ (ตอนนั้นเราสุดจะทนแล้วเหมือนกัน อย่กได้นัก ยกให้)
เม : เราไม่เอาแล้ว เราไม่อยากได้ขึ้นช่อว่าทำให้ครอบครัวคนอื่นเขาแตกแยก เราขอโทษนะเราไม่รู้จริงๆ ว่าเจมีเมียอยู่แล้วไม่งั้นเราจะไม่ยุ่งเลย
เรา: ถามตรงๆนะ มีอะไรกันแล้วหรือยัง
เม: เงียบไปพักนึก แบ้วตอบว่า มีแล้ว
เรานี่จากที่กลั้นน้ำตาไว้ กลายเป็นบ่อน้ำตาแตกขึ้นมาทันที นี่หรอคนที่เรารัก นี่หรอคนที่เราไว้ใจทำไมทำกับเราแบบนี้ ฝ่าย ญ เขาก็ขอโทษเราเพราะเขาไม่รู้จริงๆ
และสัญญาเป็นอย่างดีว่ายังไงก็ไม่เอาแล้วผู้ชายคนนี้ แถมยังบอกให้เราตัดสินใจด้วยนะว่าทำขนาดนี้แล้วสมควรที่จะคบต่ออีกมั้ย
หลังจากนั้นเราก็คุยกันไปอีกสักพักนึง ได้ประเด็นมาว่า
- ตอนที่จัดงานที่เมืองทอง ที่ไม่ให้เราไปเพราะไม่อยากรถไฟชนกัน แล้วทางฝ่ายนู้นก็บอกว่าวันนั้น งานเลิกดึกบอกว่าขอไปนอนที่ห้องเจเพราะว่ามันดึกแล้ว
แต่พี่เจบอกว่าไม่ได้ เพราะอยู่กับน้องสาวเดี๋ยวน้องมันจะด่าเอา (เราเป็นน้องสาวค่า)
-ที่บอกว่าทำโอกลับดึกบ้าง กลับเกือบสว่างบ้าง เพราะไปเล่นจ้ำจี้กะฝั่งนู้น ถุงยางก็ใช้กับฝั่งนู้น
-ส่วนโทสับเจ้าปัญหาก็ไปซื้อด้วกัน แล้วฝ่ายนั้นก็เลยเมมชื่อตัวเองว่า girl friend แล้วก็เลยแจ๊คพอตเลย ถ้าวันนี้พี่เจไปทำงานปกตินะเราก็จะยังจับไม่ได้ไปอีกนาน
ประเด็นหลักๆมีประมาณนี้ ที่ต้องวางก่อนเพราะตังหมด
หลังจากนั้นก้อเดินหปเอาข้าวแล้วก็เดินขึ้นห้อง พอถึงบนห้องส่งข้าวให้แล้วถามพี่เจไปว่า ไหนบอกว่ายังไม่มีอะไรกันไงล่ะ
พี่เจตกใจแล้วถามว่าแล้วเนจะโทรไปทำไมอีก มันจบไปแล้วนะ อีนี่(หมายถึงเม) ก็อีกคนพูดอะไรไม่เข้าเรื่อง พี่บอกว่าพี่ไม่เอาๆแล้วไง จะยังไงกับพี่อีก เกี๋ยวรอพี่แปปนะ
พี่เจแกหยิบโทรสับแกแล้วโทรไปหาเปิดลำโพงให้เราฟังด้วย พอเมรับพี่เจบอกว่า มันจบแล้วนะ ต่อไปไม่ต้องมายุ่งกับเจอีก. แล้วก็วางสายไปเลย
แล้วหันมาบอกเราว่า พี่รักเนนะ พี่ไม่มีอัไรแบ้วจริงๆ อย่าโกรธพี่นะเมียจ๋า แล้วก็เข้ามากอดเราจนเราใจอ่อน ผลสุดท้ายก็ยอมคืนดีด้วย
ยัง... มันยังไม่จบ เรื่องมันยังดำเนินต่อ แปปนะคะเดี๋ยวมาเล่าต่อ